ชื่อเครื่องยา    โกฐเชียง   ชื่ออื่นๆของเครื่องยา    ตังกุย  ได้จาก    ราก  ชื่อพืชที่ให้เครื่องยา   โกฐเชียง  ชื่ออื่น(ของพืชที่ให้เครื่องยา)    ชื่อวิทยาศาสตร์  Angelica sinensis (Oliv.) Diels  ชื่อพ้อง  Angelica polymorpha Maxim. var. sinensis Oliv.  ชื่อวงศ์  Umbelliferae 
 
 
 ลักษณะภายนอกของเครื่องยา:            ไม้ล้มลุก รากสดอวบหนา รูปทรงกระบอก แยกเป็นรากแขนงหลายราก รากแห้งรูปแกมทรงกระบอก ปลายแยกเป็นแขนง 3-5 แขนง หรือมากกว่า ยาว 15-25 เซนติเมตร ผิวนอกสีน้ำตาลอมเหลืองถึงน้ำตาล รากมีรอยย่นเป็นแนวตามยาว รอยช่องอากาศตามแนวขวาง ผิวไม่เรียบ มีรอยควั่นเป็นวงๆ มีขนาด 6-7 ซม.ยาวราว 4 ซม. มีรอยแผลเป็นของใบปรากฏอยู่ตอนบน มีรากแขนงยาวราว 10 ซม. และขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 1.5 ซม.ตอนบนหนาตอนล่างเรียวเล็ก ส่วนมากบิด เนื้อเหนียว รอยหักสั้นและนิ่ม รอยหักของเหง้าแสดงว่ามีผิวหนามากเกือบถึงครึ่งเหง้า มีต่อมน้ำยางสีน้ำตาลหรือสีเหลืองแกมแดงออกเป็นแนวรัศมีจากกลางเหง้า ส่วนที่เป็นเนื้อมีสีเหลือง มีรูพรุน มีแกนสีขาว มีกลิ่นหอมแรงเฉพาะ ฉุน รสหวาน ขมและเผ็ดเล็กน้อย 
 
 ลักษณะทางกายภาพและเคมีที่ดี:            ปริมาณเถ้ารวมไม่เกิน 7% w/w  ปริมาณเถ้าที่ไม่ละลายในกรด ไม่เกิน 2% w/w  ปริมาณสารสกัดเอทานอล (70%) ไม่น้อยกว่า 45% w/w  ปริมาณน้ำมันระเหยง่าย (volatile oil) 0.4-0.7% v/w  ปริมาณสาร ligustilide 0.5-5.0% w/w   (ข้อกำหนด WHO) 
 
 สรรพคุณ:            ตำรายาไทย: ใช้แก้ไข้ แก้สะอึก แก้ไอ แก้หอบ แก้เสียดแทงสองราวข้าง รักษาความผิดปกติของประจำเดือน ปวดประจำเดือน ใช้รักษาอาการปวดท้อง ปวดข้อ และอาการปวดหลังจากการผ่าตัด แก้ท้องผูก ตับอักเสบเรื้อรัง บำรุงโลหิต กระจายโลหิต จีนนิยมใช้โกฐเชียงมาก รากแก้วส่วนบน จีนเรียก ตังกุยเท้า ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ส่วนรากแขนงนั้นจีนเรียก (ตัง)กุยบ๊วย ใช้เป็นยาขับระดู แพทย์แผนจีนใช้เครื่องยาชนิดนี้ในยาเกี่ยวกับโรคเฉพาะสตรี เช่น อาการปวดเอว ประจำเดือนผิดปกติ ภาวะขาดประจำเดือน เช่น อาการร้อนวูบวาบ เป็นยาขับประจำเดือน แก้รกตีขึ้น แก้ไข้บนกระดานไฟ เกี่ยวกับอาการเลือดออกทุกชนิด แก้หวัด แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ตกมูกเลือด สตรีจีนนิยมใช้โกฐเชียงเป็นยากระตุ้นอวัยวะเพศ เพื่อให้ปรนนิบัติสามีได้ดีและเพื่อให้มีลูกดก ใช้ในภาวะขาดน้ำ ความผิดปกติของเส้นประสาท            นอกจากนี้บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5)    ปรากฏการใช้โกฐเชียงในยารักษาอาการโรคในระบบต่างๆของร่างกาย รวม 3 ตำรับ คือ                 1.ยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต (แก้ลม) ปรากฏตำรับยาหอมเทพจิตร และตำรับ ยาหอมนวโกฐ มีส่วนประกอบของโกฐเชียงอยู่ในพิกัดโกฐทั้ง 9 ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ มีสรรพคุณในการแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน แก้ลมจุกแน่นในท้อง                 2.ยารักษากลุ่มอาการทางระบบอาหาร ปรากฏตำรับ ยาธาตุบรรจบ มีส่วนประกอบของโกฐเชียงร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ ใช้บรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ อาการอุจจาระธาตุพิการ ท้องเสียชนิดที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ            โกฐเชียงเป็นสมุนไพรที่มีการนำมาใช้ในตำรับยาแผนโบราณของไทยหลายตำรับ พืชชนิดนี้ปลูกมากในประเทศจีน โดยเฉพาะในป่าดิบตามภูเขาสูงของมณฑลไต้หวัน มณฑลส่านซี และมณฑลยูนนาน และได้มีการนำมาใช้ในเครื่องยาไทย ที่เรียกว่า พิกัดโกฐ โกฐเชียงจัดอยู่ใน โกฐทั้งห้า(เบญจโกฐ) สรรพคุณโดยรวม ของยาที่ใช้ในพิกัดโกฐ คือ แก้ไข้ แก้ไข้ร่วมกับมีเสมหะ แก้หืดไอ แก้หอบ แก้ลมในกองธาตุ ชูกำลัง ขับลม แก้สะอึก บำรุงเลือด บำรุงกระดูก            เครื่องยาพิกัดโกฐ ประกอบด้วย พิกัดโกฐทั้ง 5 ได้แก่ โกฐหัวบัว โกฐสอ โกฐเขมา โกฐเชียง โกฐจุฬาลำพา มีสรรพคุณแก้ไข้เพื่อเสมหะ หืดไอ แก้โรคปอด โรคในปากคอ แก้ลมในกองธาตุ ชูกำลัง บำรุงโลหิต พิกัดโกฐทั้ง 7 (มีโกฐกระดูก และโกฐก้านพร้าว เพิ่มเข้ามา) สรรพคุณ แก้ไข้จับสั่น แก้ไข้เพื่อเสมหะ แก้หืดไอ แก้โรคในปอด แก้ลมในกองธาตุ ชูกำลัง บำรุงโลหิต แก้ไข้เรื้อรัง แก้หอบ แก้สะอึก พิกัดโกฐทั้ง 9  (มีโกฐพุงปลา และโกฐชฎามังษี เพิ่มเข้ามา) สรรพคุณแก้ไข้จับ แก้ไข้เพื่อเสมหะ แก้หืดไอ แก้โรคปอด แก้โรคในปากคอ แก้ลมในกองธาตุ ชูกำลัง บำรุงโลหิต แก้ไข้เรื้อรัง แก้หอบ แก้สะอึก บำรุงกระดูก แก้ไข้ในกองธาตุอติสาร แก้ไส้ด้วนไส้ลาม ขับระดูร้าย            ในตำรับยาพระโอสถพระนารายณ์: มีตำรับ ยาทรงนัตถุ์ ขนานหนึ่งประกอบด้วยสมุนไพร 15 ชนิด รวมทั้งโกฐเชียงด้วย โดยนำตัวยาทั้งหมดบดเป็นผงละเอียดรวมกัน ใช้สำหรับนัตถุ์ ใช้ดมแก้ปวดหัว แก้วิงเวียน แก้สลบ แก้ริดสีดวงจมูก คอ และตา 
 
 รูปแบบและขนาดวิธีใช้ยา:            ยาผงหรือสารสกัดของเหลวขนาดวันละ 4.5-9กรัม หรือ 6-12 กรัม 
 
 องค์ประกอบทางเคมี:            น้ำมันระเหยง่ายราวร้อยละ 0.4-0.7 สารหลักคือ alkylphthalides ในน้ำมันระเหยง่ายมีสารแซฟโรล(safrole) สารไอโซแซฟโรล (isosalfrole) สารคาร์วาครอล (carvacrol) เป็นต้น นอกจากน้ำมันระเหยง่ายแล้วยังมีสารอื่นๆอีกหลายชนิด เช่น สารไลกัสติไลด์ (ligustilide) กรดเฟรูลิก (ferulic acid) กรดเอ็น-วาเลอโรฟีโนน-โอ-คาร์บอกซิลิก (n-valerophenone-o-carboxylic acid) นอกจากนี้ยังพบสารกลุ่มเทอร์ปีนอยด์  ฟีนิลโพรพานอยด์  คูมาริน  โพลีอะเซทิลีน 
 
 การศึกษาทางเภสัชวิทยา:            กระตุ้นการบีบตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ และมดลูก    ปกป้องตับ    ปกป้องสมองและไขสันหลัง เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ป้องกันการแข็งตัวของเลือด  กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ต้านเนื้องอกและยับยั้งเซลล์มะเร็ง ต้านอนุมูลอิสระ ลดความกังวล กระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูก  ป้องกันการถูกทำลายโดยรังสี มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน     
 
 การศึกษาทางคลินิก:            ไม่มีข้อมูล 
 
 การศึกษาทางพิษวิทยา:            ไม่มีข้อมูล 
 
 อ้างอิง - ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
 
 
   |